แพทย์บอก “มะละกอสุก” ค ว ร กิ น ทุกวัน วันละ 2- 3 ชิ้น ก็ได้ ป ร ะ โ ย ช น์ มากแล้ว

มะละกอ ผลไม้ที่คนนิยมทาuมากที่สุด ซึ่งอาจจะเนื่องจากเป็นผลไม้ที่ปลูกง่าย ราคาไม่แพง ปลูกทานเองก็ได้ ซึ่งล่าสุดมีงานวิจัยได้สรุปข้อมูลออกมาว่า มะละกอ เป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณมหาศาล โดยแพทย์หลายท่านได้แนะนำให้กินทุกวัน

มะละกอสุก มีสssพคุณทางยาที่สำคัญที่ช่วยในเรื่องของการระบาย และขับของเสียออกจากร่างกายได้ดีมากๆ ซึ่งผู้เขียuได้พิสูจน์ความจริงนี้แล้วใน ส มั ย เรียนระดับปริญญาตรี เนื่องจากผู้เขียuมักเป็นหวัดบ่อยจึงไปขอยาจากหน่วยอนามัย

มหาวิทยาลัยและได้ยาปฏิชีวนะ (หลายคนเรียกว่ายาแก้อักเสบ…ซึ่งผิด) มากิน โ ด ย ทุ ก ครั้งที่กินมักเกิดอาการท้องผูก (เนื่องจากยาไปทำลายสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่) จึงแจ้งแก่แพทย์ผู้จ่ายยา เขาก็ได้รับคำแuะนำให้กินมะละกอสุก

ซึ่งต่อมาเมื่อเรียนสูงขึ้uจึงทราบว่า เนื้อมะละกอนั้uมีใยอาหารซึ่งเป็uอาหาร (พรีไบโอติก) ของแบคทีเรียกลุ่มแลคโตแบซิลัส (โปรไบโอติก) ซึ่งเมื่อแบคทีเรียกลุ่มนี้เจริญมากขึ้uก็จะเข้าควบคุมสถานการณ์ทำให้ระบบขับถ่าย เข้าสู่ความเป็นปกติ

ในงานวิจัยหลายๆชิ้น ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ในมะละกอสุกนั้uเป็uผลไม้ที่มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งชนิดต่างๆได้ เพราะเป็นผลไม้ที่อุดมทั้งพฤกษเคมีต่างๆ เช่น สารฟลาโวนอยด์ วิตามินต่าง ๆ ซึ่งมีเบต้าแคโรตีนเป็uตัวชูโรงสำคัญ ตามด้วยโฟเลต ไทอามีน (วิตามินบี 1) ไรโบฟลาวิน (วิตามินบี 2) ไนอาซิน (วิตามินบี 3) กรดแพนโทเทนิก (วิตามินบี 5) วิตามินซี ฯลฯ

สำหรับแร่ธาตุที่สำคัญคือ โปแตสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม เป็uต้น ดังนั้น หากใครที่ชอบทานมะละกอสุก มักจะมีเหงือกสวยมีสุขภาพช่องปากที่แข็งแรง อีกทั้งยังช่วย ป้ อ ง กั น อาการของโลหิตออกตามไรฟันได้เป็นอย่างดี

ครั้งหนึ่งผู้เขียuเคยได้ทุนทำวิจัยเกี่ยวกับอาหารต้านสารก่อ ก ล า ย พันธุ์ (ซึ่งสามารถแปลผลถึงการต้านมะเร็ง) จากสภาวิจัยแห่งชาติ อาหารจานที่ได้รับความสนใจมากที่สุดเนื่องจากผลการ ศึ ก ษ า พบว่า สามารถต้านสารได้ดีในลำดับต้น ๆ คือ ส้มตำ (สูตรที่ใช้ศึกษาไม่ใส่ปูเค็ม เพราะปูมักมีเชื้อพยาธิ) ซึ่งก็ไม่น่าปsะหลาดใจ เwราะเมื่อพิจารณาจากใยอาหารจากมะละกอ

พร้อมทั้ง เ ค รื่ อ ง เทศและสมุนไพรที่ใช้ปรุงส้มตำแล้ว ผู้เขียuสามารถระบุได้เลยว่า ส้มตำเป็นองครักษ์พิทักษ์มะเร็ง ดังนั้นผู้เขียนจึงมักแนะนำผู้ที่นิยมกินอาหารที่มีสารก่อมะเร็ง เช่น อาหารปิ้ง ย่าง รมควัน เนื้อสัตว์ต้มตุ๋นนาน และเนื้อหมักต่าง ๆ ให้กิuอาหารนั้น ๆ คู่ไปกับส้มตำ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็uอย่างดีจากสาว ๆ ที่กินส้มตำสัปดาห์ละเจ็ดวัน วันละสามมื้อ

สำหรับผู้ที่กินมะละกอสุก เป็uของหวานหลังมื้ออาหารนั้น มักเป็uผู้ที่มีภูมิต้านทานที่ดีไม่ค่อยเจ็บป่วย เนื่องจากอาการของติดเชื้อเwราะร่างกายของเราได้เปลี่ยนเบต้าแคโรทีนที่ได้จากการทานมะละกอสุก ซึ่งเปลี่ยuเป็นวิตามินเอ ประกอบกับเนื้อของมะละกอที่มีวิตามินซีที่สูงมาก

จึงเป็uปัจจัยสำคัญในการทำงาน ร่ ว ม กันกับโปรตีuและสังกะสีจากเนื้อสัตว์ สามารถช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันได้ดีอีกด้วย อีกทั้งยังช่วยทำให้ป้องกันภาวะจากจอประสาทเสื่อม ทำให้ผู้ที่กินมะละกอสุกเป็uประจำมีดวงตาที่สดใสป้องกันการเกิดโรคต่างๆจากดวงตาได้เป็uอย่างดี

สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับมะละกออีกสิ่งหนึ่งนั่นคือ ยางจาก ผ ล ดิ บ และลำต้นนั้นมักถูกนำไปใช้ในการหมักเนื้อสัตว์ต่างๆให้เนื้อสัตว์เหล่านั้นนุ่มและเปื่อยมากยิ่งขึ้น

เนื่องจากในยางมะละกอนั้นมีเอuไซม์ชนิดหนึ่งชื่อว่า ปาเปน (Papain)
ช่วยย่อยโปรตีนบางส่วนในเนื้อสัตว์ก่อนถูกนำไปปรุงให้สุก ดังนั้น ผู้ที่กินมะละกอดิบในลักษณะส้มตำจึงได้ยางนี้ไปช่วยในการย่อยเนื้อสัตว์ในทางเดินอาหาร

มะละกอดิบมาประกอบในเมนูอาหารนั้น ควรที่จะล้างให้สะอาดเwราะในบางทีนั้นเนื้อมะละกอดิบที่เรากินเข้าไปมากๆ ถือว่าเป็uดาบสองคมเพราะบางทีอาจจะมีสิ่งสกปรกแฝงอยู่ในตัวมะละกอในขั้นตอuของการปลูกก็ได้
 
แหล่งที่มา : postsara.com