ผู้ ห ญิ ง ควรรู้ 14 ประโยชน์ ของเบกกิ้งโซดา ตัวช่วยดีๆที่จะทำให้คุณสวยขึ้น

เบกกิ้งโซดา ของดีที่ทุกบ้าน ควรมีติดไว้ใช้งาน เพราะว่าประโยชน์เหลือล้นเหลือเกิน และวันนี้เราได้นำวิธีเด็ดๆจากเบกกิ้งโซดา ที่จะช่วยให้คุณผู้ชายและคุณผู้หญิง ดูดีได้ด้วยสิ่งนี้ ไปดูกันเลยดีกว่าว่าจะมีวิธีไหนกันบ้าง

1 ช่วยดับกลิ่นปาก

สำหรับใครที่มีกลิ่นปาก แนะนำวิธีนี้เลยค่ะ ให้ใช้เบกกิ้งโซดาครึ่งช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำอุ่น 1 แก้ว แล้วนำมาป้วนปากค่ะ วิธีนี้ง่ายๆเลย สามารถทำได้หลับทานข้าวเสร็จ

2 ใช้ขัดหน้าให้ขาวใส

โดยใช้เบกกิ้งโซดาปลายช้อนชา มะนาว 1 ลูก และนมสด 1 ช้อนชา ผสมให้เข้ากัน จากนั้นให้ใช้สำลีชุบ นวดให้ทั่วหน้า ประมาณ 5 นาที แล้วพอกทิ้งไว้ 5 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาด แล้วทาครีมบำรุงตามไปด้วยนะคะ ควรทำอาทิตย์ ละ 1 ครั้งจะพอดีค่ะ

3 ใช้ขัดผิวให้ขาวใส

ใช้เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับมะนาว 1 ลูก แล้วก็ครีมอาบน้ำ ผสมเข้าด้วยกัน แนะนำให้ใช้ใยบวบขัดตัวร่วมด้วย วิธีนี้ควรทำอาทิตย์ละ 2 ครั้งเป็นเวลา 1 เดือนรับรองว่าขาวใสแน่นอน

4 ใช้ขัดฟันให้ขาวสะอาด

ใช้เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา ผสมกับน้ำมะนาว 1 ลูก จากนั้นผสมยาสีฟันลงไปค่ะ ใช้สูตรนี้ปรงทุกเช้า-เย็นเป็นประจำ จะช่วยขัดฟันให้ขาวขึ้นนั่นเอง

5 ใช้สปาเท้า

ใครที่เท้ามีกลิ่นแนะนำลองทำตามนี้ค่ะ เพราะเป็นวิธีง่ายๆได้ผลชัวร์ โดยใช้เบกกิ้งโซดาครึ่งถ้วย ผสมกับเกลือ 2 ช้อนโต๊ะ และน้ำมันหอมระเหยกลิ่นมิ้นท์เล็กน้อย เทลงในกะละมังแล้วผสมน้ำอุ่นลงไปด้วย

แช่เท้าไปเรื่อยๆประมาณ 15 นาที ระหว่างที่แช่เท้าก็ใช้แปรงสีฟันค่อยๆขัดบริเวณซอกเล็บเท้าและซอกนิ้วเท้าของไปด้วย ทำอาทิตย์ละ 1 ครั้ง รับรองว่ากลิ่นเท้าหาย และเท้าขาวสวยขึ้นอีกด้วย

6 ใช้ทำความสะอาดเหล็กดัดฟัน

ใช้เบกกิ้งโซดา 2 ช้อนชาผสมกับน้ำอุ่น 1 ถ้วย แล้วก็ลงไปแช่ ค่อยๆใช้แปรงสีฟั นค่อยๆจัดการคราบออก

7 รักษาสิวและผิวอักเสบ

ใครกำลังเจอปัญหาสิวอักเสบลุกลามไปทั่วทั้งใบหน้า ลองวิธีนี้..เทน้ำเดือดไว้ 1 ถ้วยแล้วใส่น้ำตาลลงไป 1 ช้อนชา ตามด้วยเบกกิ้ง โซดา 1 ช้อนชา ขนให้เข้ากันแล้วนำผ้าก็อซชุบลงหมาดๆ จากนั้นนำไปปิดไว้ตรงบริเวณที่มีผิวอักเสบหรือหัวสิว ทิ้งไว้สักพักแล้วทำความสะอาดผิวด้วยน้ำอุ่นและใช้น้ำมันงาทาผิวบริเวณนั้นเอาไว้ ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงก็สามารถทำความสะอาดผิวได้อีกครั้ง ทำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งผิวก็กลับมาเนียนใสได้ค่ะ

8 ขจัดคราบเล็บเหลือง

ใครชอบทาเล็บบ่อยๆ จนเหลืองลองนำเบกกิ้ง โซดามาขัดโดยใช้แปรงสีฟัน ถูวนเบาๆ จะช่วยให้เล็บดูสุขภาพดีและขาวขึ้นยิ่งทำบ่อยก็ยิ่งได้ผลไว พูดเลย

9 ใช้ซักผ้า

วิธีการก็คือ ใช้ผสมกับผงซักฟอกลงไปซักผ้าตามปกติ หรือจะใส่เบกกิ้งโซดาผสมเข้าไปในน้ำสุดท้าย ธีการนี้จะช่วยให้ผ้าของคุณมีกลิ่นหอมขึ้นและดูสะอาดตามากยิ่งขึ้น

10 ขจัดคราบอุปกรณ์เสริมสวย

เอาใจสาว ๆ กันโดยเฉพาะเลย เพราะเราสามารถใช้ทำความสะอาดอุปกรณ์เสริมสวยต่าง ๆ ได้ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา ผสมกับน้ำอุ่นประมาณ 1 กะละมัง แล้วนำหวี แปรงแต่งหน้า แปรงปัดขนคิ้ว ที่ดัดขนตา ฯลฯ ลงไปแช่ในน้ำที่ผสมไว้ จะช่วยทำให้คราบน้ำมัน รวมทั้งสิ่งสกปรกต่าง ๆ หลุดออกมาอย่างง่ายดาย หลังจากนั้นก็นำมาเช็ดให้แห้ง เพียงเท่านี้อุปกรณ์ของเราก็จะกลับมาสะอาดน่าใช้เหมือนเดิม

11 รักษาฝ้า กระ และสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ

ปัญหาหนักอกของผู้หญิงบ้านเราก็คือฝ้าและกระที่เกิดจากรังสียูวี เคล็ดลับดีๆ คือนำเบกกิ้ง โซดา 6-7 ช้อนโต๊ะใส่น้ำ 1 ถ้วย แล้วนำมานวดบริเวณที่มีปัญหา จะช่วยลดเลือนจุดด่างดำเหล่านี้ได้

12 ดับกลิ่นที่นอน

เตียงนอนของเราเป็นที่ที่เราต้องใส่ใจเป็นพิเศษ นอกจากการดูแลทำความสะอาดเป็นประจำ และหากเราต้องการให้ที่นอนสะอาด มีกลิ่นสดชื่น ไม่มีกลิ่นอับ ๆ มาคอยกวนใจ ให้ใช้ผสมกับน้ำมันหอมระเหย แล้วโรยลงบนที่นอน จากนั้นให้ใช้แปรงที่มีขนนุ่มขัดเพียงเบา ๆ ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที จากนั้นใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดทำความสะอาดซ้ำอีกครั้ง เท่านี้เราก็จะได้ที่นอนที่เหมือนใหม่คืนมาอีกครั้ง

13 ใช้ลดกลิ่นอับในตู้เย็น

วิธีการนี้ต้องใช้คู่กับถ่านไม้ เพราะเบกกิ้งโซดาและถ่านไม้จะช่วยดับกลิ่นอับชื้นในตู้เย็นได้ดีมากๆ

14 ดับกลิ่นสัตว์เลี้ยง

บ้านไหนที่มีสัตว์เลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นน้องหมา น้องแมว มีอุปกรณ์ทั้งจานข้าว ถ้วยใส่น้ำ ห้องน้ำ กระบะทราย ของเล่นต่าง ๆ รวมไปถึงที่นอนของเจ้าตัวยุ่งทั้งหลาย แน่นอนว่าอุปกรณ์เหล่านี้ เมื่อใช้งานนานไปก็จะมีกลิ่นสะสม การทำความสะอาดข้าวของเครื่องใช้ของสัตว์เลี้ยง ทำได้โดยโรยเบกกิ้งโซดาทิ้งไว้ประมาณ 15-30 นาที แล้วค่อยนำไปเช็ดล้างทำความสะอาด รับรองได้เลยว่ากลิ่นเหม็นอับทั้งหลายจะหายไปอย่างแน่นอน

เป็นยังไงกันบ้างคะกับ 14 วิธีที่ใช้เบกกิ้งโซดาเป็นตัวช่วย รับรองว่าช่วยให้คุณสามารถแก้ไขปัญหาหลากหลายด้วยวิธีที่แสนง่ายอย่างแน่นอน สำหรับใครที่ไม่มีเบกกิ้งโซดาก็สามารถหาซื้อได้ง่ายๆตามร้านค้าสะดวกซื้อทั่วไปได้เลยนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจากหลายแหล่งที่มา

เรียบเรียงโดย คนบ้านนอก