หอยแครงเป็นหอยสองฝาอีกชนิดหนึ่งที่เป็นสัตว์เศรษฐกิจในประเทศไทย โดยเนื้อใช้รับประทานเป็นอาหารที่ให้โปรตีน นิยมนำไปปรุงด้วยการเผาหรือลวก ส่วนเปลือกใช้ทำเครื่องประดับของชำร่วย หรือ บดผสมลงในอาหารไก่ และยังทำเป็นปูน รวมถึงทำเป็นวัสดุสังเคราะห์ทดแทนกระดูกมนุษย์ได้ด้วย
กรมประมงจึงมีการส่งเสริมให้เกษตรกรเพาะเลี้ยงเป็นสัตว์เศรษฐกิจ นิยมเลี้ยงกันอยู่ที่แถบจังหวัดสมุทรสงคราม เพชรบุรี สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ภูเก็ต สตูล และปัตตานี
หอยแครง เป็นอาหารทะเลชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมสูงมากๆ แอดมินเองก็ชอบกินเช่นเดียวกัน ถึงแม้จะมีราคาแพง แต่ก็กินได้หลายครั้งต่อเดือนเลยทีเดียว อีกทั้งการเลี้ยงหอยแครงขายก็เป็นอาชีพที่น่าสนใจเหมือนกันค่ะ
ปัจุบันมีการเพาะเลี้ยงหอยแครงกันทั่วประเทศ แต่ส่วนใหญ่จะมีเยอะในแถบจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งทำเงินกว่าหลายร้อยล้านบาทต่อปี
การเพาะเลี้ยงหอยแครงเป็นการดำเนินกิจการง่ายๆ อาจจะทำกันเองเพียงลำพังในครอบครัว เป็นธุรกิจครอบครัว ไม่ต้องดูแลและให้อาหารมาก ทำให้เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงหอยแครง มีีรายได้และสร้างกำไรกว่า 3-4 เท่าทุน
ในจังหวัดสมุทรสาคร มีการเพาะเลี้ยงหอยแกครงแบบธุรกิจใหญ่ ในเนื้อที่กว่า 200-1000 ไร่
ซึ่งพื้นที่ที่เพาะเลี้ยงเป็นพื้นที่รวมและแยกผู้ประกอบการแต่ละรายด้วยแนวกั้น ที่สร้างจากไม้เสาปักหลัก เพื่อบ่งบอกอณาเขต
แต่ละเสาปักห่างกันประมาณ 2 เมตรต่อ 1 ต้น
หอยแครงจะชอบอาศัยอยู่บริเวณน้ำกร่อยตามชายทะเล ที่มีดินโคลนไม่เหลวมาก ในระดับความลึกประมาณ 3 เมตร
ลูกหอยแครงที่จะนำมาเลี้ยง จะใช้หอยแครงขนาดเล้กเท่าเมล็ดถั่วเขียว นำเข้ามาจากมาเลเซีย ราคาประมาณ 1-2 ร้อยบาท/กก.
น้ำหนัก 1 กก. เพาะได้ประมาณ 1 หมื่นตัว
ระยะเวลาเพาะเลี้ยงมี 2 ช่วง คือ
เมื่ออายุ 7-8 เดือนแรก จะถูกย้ายแหล่ง
อีก 7-8 เดือนต่อมา จึงนำออกมาจำหน่าย
หากอยากให้ตัวใหญ่ และได้ผลดี ควรเพาะเลี้ยงแบบธรรมชาติ
สำหรับราคาตลาด จะขายราคาส่งได้ประมาณ กก. ละ 50-70 บาท
รายได้จากการเลี้ยงหอยแครงจะได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับธรรมชาติสภาพแวดล้อมด้วย
บางปีฟาร์มเลี้ยงหอยแครงมีน้ำจืดไหลลงทะเลมากเกินไป สูญเสียรายได้หลักสิบล้านไปเลยทีเดียว
ถ้าปีไหนที่สภาพแวดล้อมเอื้ออำนวยต่อการเลี้ยง
ปัจจุบันปริมาณการเลี้ยงหอยแครงไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด การลงทุนใช้เงินประมาณ 6 ล้านบาทต่อปี จะมีรายรับกลับคืนมาประมาณ 10-15 ล้านบาท