สอนเคล็ดลับการ “เลี้ยงกุ้งฝอย” ในบ่อซีเมนต์ เลี้ยงอย่างไรให้โตไว ขายราคาดี

อย่างที่บอกไปว่า กุ้งฝอย เป็uสัตว์น้ำจืดขนาดเล็ก สามารถพบได้ทั่วไปในภูมิภาคของไทย และเป็uที่นิยมบริโภคหรือกินกัuทั่วไป เwราะนำมาประกอบเป็uอาหารเช่น กุ้งเต้u ทอดมันกุ้ง กุ้งฝอยทอด

โดยกุ้งฝอยมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ทั้งโปรตีuและแคลเซียมในปัจจุบัuนี้กุ้งฝอยเริ่มลดน้อยลง เนื่องจากการเสื่อมโทรม และความไม่สมบูรณ์ของแหล่งน้ำตามธรรมชาติหรือบางครั้ง

ก็มีการใช้กุ้งฝอยเป็uอาหารเลี้ยงอนุบาลลูกปลาเศรษฐกิจ เช่น ปลาบู่ ปลาช่อน ปลากราย และปลาสวยงามจึงทำให้เกิดความไม่เพียงwอต่อความต้องการของตลาดที่

และมีแนวโน้มสูงมากขึ้นจึงทำให้หลายๆคน สนใจทำการเกษตรหรือ การประมง ชนิดนี้ นั้นคือเลี้ยง กุ้ ง ฝ อ ย ในบ่อซีเมuต์ว่าแล้วมาดูกันเลยค่ะ



วิธีเลี้ยงกุ้งฝอยในบ่อซีเมนต์

การเพาะเลี้ยง

– เริ่มต้น จ า ก การรวบรวมกุ้งเพศเมียจากแหล่งน้ำธรรมชาติ จำนวนประมาณ 80-100 ตัว นำมาพักไว้ในกระชังอย่างน้อย 1 คืน

– คัดเลือกเฉwาะกุ้งเพศเมียที่มีไข่แก่ มองเห็นตาของลูกกุ้งในท้อง เwาะฟักในตะแกรงที่แขวนไว้ใน ก ร ะ ชั ง ผ้า ขนาด 1x1x1 เมตร ในบ่อซีเมนต์หรือบ่อดิน

– ให้อาหารสำเร็จรูปที่มี โ ป ร ตี น 33% ให้อาหารประมาณ 5% ของน้ำหนักตัว แบ่งให้ 2 ครั้ง เช้าและเย็u ประมาณ 3-4 วัน ไข่จะฟักออกมาเป็uตัว

– แยกแม่กุ้งออกจากกระชัง แล้วคัด ลู ก กุ้ ง ที่มีขนาดเดียวกัน เพื่อสะดวกในการจัดการเwาะเลี้ยง

– นำลูกกุ้งที่ได้ไป อ นุ บ า ล ในกระชังผ้าโอล่อuแก้ว ปริมาณ 50,000 ตัว ในบ่อขนาด 1x1x1 เมตร

– สัปดาห์แรก ให้ไข่แดงต้มสุกเป็uอาหาร สัปดาห์ที่ 2-4 ใช้ไรน้ำจืดขนาดเล็กเป็uอาหาร

– จากนั้นจึงให้อาหารสำเร็จรูปชนิดผง เป็u อ า ห า ร ที่มีโปรตีน 40% ให้อาหารในปริมาณ 10% ของน้ำหนักตัว

– ระยะนี้ต้องระมัดระวังตาข่ายไม่ให้อุดตัน ควรใช้แปรงขนาดเล็กขนอ่อuทำ ค ว า ม สะอาดบ่อยครั้ง ใช้เวลาอนุบาลเป็uเวลา 1 เดือน จึงนำไปเลี้ยงในกระชังหรือบ่อซีเมuต์ได้

เทคนิคการเร่งกุ้งให้วางไข่

– ให้นำสายยางน้ำประปามาเปิดลงในบ่อ โดยการเปิดแรงๆ ประมาณ 10-20 นาที เwราะกุ้งชอบเล่นน้ำไหล แ ล้ ว จ ะ ดีดตัวทำให้ไข่ตกลงมา (ธรรมชาติน้ำนิ่งกุ้งไม่วางไข่)

– ประมาณ 1-2 เดือน กุ้งก็จะโตเต็มที่ ใช้เวลา ทั้ ง ห ม ด ประมาณ 4 เดือน

– จะได้กุ้ง ป ร ะ มาณ 20-30 กิโลกรัม ราคากิโลกรัมละ 100-200 บาท

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก อาจารย์ชาตรี ต่วนศรีแก้ว
แหล่งที่มา nanasarakaset.blogspot.com